ประวัติเลอบรอน เจมส์ ชายผู้ได้รับฉายา'King of NBA'แห่งยุคปัจจุบัน

ประวัติเลอบรอน เจมส์

ประวัติเลอบรอน เจมส์ หากพูดถึงตำนานในการแข่งขันกีฬาอะไรก็ตาม ผู้คนมักจะพูดถึงนักกีฬาในอดีตที่วางมือเกษียณอายุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วหรือไม่ก็นักกีฬายุคเก่าที่บางคนอาจจะเสียชีวิตไปแล้วด้วยซ้ำไป แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่กำลังสร้างตำนานอยู่ในยุคปัจจุบันเองก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวอย่างเช่นเลอบรอน เจมส์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นเอง เขานับว่าเป็นหนึ่งในตำนานยุคใหม่ของ NBA ที่ในปัจจุบันก็ยังคงลงแข่งขันอยู่ตามปกติเนื่องจากตอนนี้เขามีอายุอยู่ที่ 39 ปีเท่านั้น จะบอกว่ามันเป็นบั้นปลายชีวิตการเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลของเขาแล้วก็ว่าได้

ประวัติเลอบรอน เจมส์

ประวัติเลอบรอน เจมส์ ชีวิตในวัยเด็ก

เขาเกิดเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมในปี 1984 รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เจมส์เกิดในครอบครัวที่ยากจน และเติบโตมาด้วยความลำบาก โดยมีแม่และพี่ชายเป็นเสาหลักคอยหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ด้วยความยากจนทำให้เขาต้องเร่ร่อนไปนอนตามบ้านเพื่อน หลังจากนั้นไม่นาน เลบรอน เจมส์ ได้พบกับโค้ชคนแรกของเขานั่นก็คือ แฟงค์กี้ วอร์คเกอร์ ซึ่งเป็นโค้ชบาสเก็ตบอลคนแรกของเขา แฟงค์กี้ ให้ เจมส์ ย้ายเข้ามาอยู่บ้านร่วมกับลูกชายของเขา เพื่อฝึกสอนทักษะบาสเก็ตบอล และระเบียบวินัยการใช้ชีวิต

ในระดับเยาวชน

เขานั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์แถมยังมีความสามารถที่หลากหลาย ประกอบกับรูปร่างที่ดีทำให้เขานั้นได้เริ่มต้นการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลาย การลงแข่งขันในตำแหน่ง POINT GUARD ที่เขาถนัดมันช่วยให้ทีมสามารถทำสถิติคว้าชัยชนะรวดได้ถึง 27 นัดและสามารถคว้าแชมป์ของรัฐได้อย่างงดงาม จนกระทั่งในปี 2003 การเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลอาชีพของเขาก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากเขากลายเป็นดราฟอันดับ 1 ของทีมดังอย่างคลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ ไม่เพียงเท่านั้นสาธารณชนยังให้ความสนใจเขาเป็นอย่างมากจนถึงขั้นที่ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาและเครื่องแต่งกายชื่อดังอย่าง NIKE เซ็นสัญญากับเขาด้วยมูลค่ามากกว่า 90 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว 

ประวัติเลอบรอน เจมส์

เส้นทางนักบาสอาชีพ

เขาเข้ามาช่วยให้ทีม ดาดอย่าง ครีฟแลนด์ ซึ่งช่วงนั้นเป็นทีมที่คอยแจกแต้ม ก้าวขึ้นมาเป็นทีมแชมป์เพลย์ออฟ ได้สำเร็จ ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นที่รักของคนทั้งเมือง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทำให้คนทุกคนในเมืองคริฟแลนด์ ผิดหวัง เมื่อ เจมส์ ตัดสินใจกลายเป็นนักบาสฟรีเอเยนต์ และสุดท้ายก็ย้ายเข้าไปร่วมทีม ไมอามี่ ฮีต ทำให้แฟนบาสในเมือง คริฟแลนด์ ต่างพากันออกมาเผาเสื้อของเขาเต็มถนน พร้อมด่าสาปส่งว่าเป็นคนทรยศ

แต่สำหรับเขาแล้ว นับเป็นการตัดสินใจอย่างถูกต้อง เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี กับ ไมอามี่ ฮีต เขาสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด และได้สองแชมป์ในปี 2012 และ 2013 ช่วงเวลานี้คือช่วงที่ LeBron James ก้าวขึ้นมาเป็นซุปเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของลีคอย่างแท้จริงหลังจากคว้าความสำเร็จและถึงจุดอิ่มตัวกับ ไมอามี่ ฮีต เขาได้เลือกย้ายฟรีเอเจนต์กลับมายังทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ อีกครั้ง พร้อมกับกลายเป็นผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของทีม แถมนอกจากนี้เขายังได้ช่วยให้ทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ คว้าแชมป์ NBA มาครองได้อีกด้วยนั่นทำให้ชาวเมืองให้อภัยที่เขาได้จากทีมไปก่อนหน้านี้ เพราะการคว้าแชมป์ NBA ของทีม คลีฟแลนด์ คาวาเลียส์ นั้นเป็นการลบคำสาปของเมืองนี้ ที่ไม่เคยคว้าแชมป์กีฬาอะไรเลยมาก่อนหน้านี้ถึง 50 ปี

เกียรติประวัติของ เลบรอน เจมส์

ประวัติเลอบรอน เจมส์
  • 4× เอ็นบีเอแชมเปียน (2012, 2013, 2016, 2020)
  • 4× เอ็นบีเอไฟนอลส์ เอ็มวีพี (2012, 2013, 2016, 2020)
  • 4× NBA Most Valuable Player (2009, 2010, 2012, 2013)
  • 17× เอ็นบีเอออลล์สตาร์ 
  • 3× NBA All-Star Game MVP (2006, 2008, 2018)
  • 13× All-NBA First Team (2006, 2008–2018, 2020)
  • 2× All-NBA Second Team (2005, 2007)
  • 2×All-NBA Third Team (2019–20)
  • 5× NBA All-Defensive First Team (2009–2013)
  • NBA All-Defensive Second Team (2014)
  • NBA Rookie of the Year (2004)
  • NBA All-Rookie First Team (2004)
  • NBA scoring champion (2008)
  • NBA assists leader (2020)
  • J. Walter Kennedy Citizenship Award (2017)
  • 4× AP Athlete of the Year (2013, 2016, 2018, 2020)
  • 3× Sports Illustrated Sportsperson of the Year (2012, 2016, 2020)
  • Time Athlete of the Year (2020)
  • USA Basketball Male Athlete of the Year (2012)
  • 2× National high school player of the year (2002, 2003)
  • McDonald’s All-American Game MVP (2003)
  • 2× First-team Parade All-American (2002, 2003)
  • 3× Ohio Mr. Basketball (2001–2003)

เรื่องความสามารถของเขานั้นไม่มีใครกังขาอีกต่อไปจากผลงานที่สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันเองเขาก็สามารถคว้ารางวัลส่วนตัวได้สำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็นรางวัลรุกกี้ออฟเดอะเยียร์รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าเกม ALL STAR NBA สามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขัน ALL STAR ได้ถึง 3 ครั้ง ได้รับการคัดเลือกเป็นออ NBA อีก 2 ครั้ง ได้รับรางวัล MVP จาก THE SPORTING NEWS อีกครั้งหนึ่ง การมีเขาอยู่ในทีมนั้นช่วยให้ทีมมีภาพรวมผลงานที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากและเขานั้นก็เป็นคนสำคัญของทีมมาจนถึงในปัจจุบัน 

อ่านข่าวฟุตบอล :: ประวัตินักบาส

ติดตาม Facebook fanpage :: Superkick365

error: Content is protected !!