สนามซานซิโร่ ความเป็นมาก่อนจะเหลือเพียงอดีตและความทรงจำ

สนามซานซิโร่

สนามซานซิโร่ ซานซิโร่นับว่าเป็นอีกหนึ่งสนามกีฬาฟุตบอลประวัติศาสตร์แห่งวงการฟุตบอลที่ไม่มีใครไม่รู้จัก สนามแห่งนี้รองรับการแข่งขันดาร์บี้ที่มีผู้ชมติดมากที่สุดในโลกอย่าง ดาร์บี้แมตช์ มิลาน การแข่งขันฟุตบอลโลก ระดับนานาชาติ รวมมถึงนัดชิงชนะเลิศแชมป์เปี่ยนลีก ซานซิโร่สามารถจุผุ้ชมได้สูงสุด 75,923 คน แต่ปัจจุบันดูเหมือนผู้ชมอาจไม่เต็มความจุเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่มีใครอยากไม่อยากรู้จักสนามกีฬาเมืองมิลานแห่งนี้อย่างแน่นอน

สนามซานซิโร่ ความเป็นมาก่อนจะเหลือเพียงอดีตและความทรงจำ

ประวัติความเป็นมาของสนามซาน ซิโร่

สนามซาน ซิโร่ หากพูดถึงสนาม ซาน ซิโร่ แฟนบอลหลายคนอาจจะนึกถึงแค่ เอซี มิลาน และ อินเตอร์ มิลาน สองทีมยักษ์ใหญ่ที่ใช้สนามร่วมกัน แต่ถ้าจะให้เราร่ายถึงประวัติความเป็นมาต้องบอกไว้เลยว่าสมัยแต่ก่อนสองทีมดังของเมืองมิลานไม่ได้ใช้สนามในการใช้แข่งขัน ทาง เอซี มิลาน นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มก่อตั้งสโมสร เขาได้ตระเวนเล่นสนามกีฬาต่างมามากกว่า 6 แห่ง ก่อนจะได้มาลงเอยกับสนาม ซาน ซีโร่ ในส่วนของ อินเตอร์ มิลาน ก็เล่นสนามกีฬามา 3 สนาม เช่นกัน

ในช่วงปลายปี 1925 ปิเอโร พิเรลลี่ ผู้ก่อตั้งบริษัทยางรถยนต์ Pirelli  มีความคิดสร้างสนามฟุตบอลแบบไม่มีลู่วิ่งขึ้นมาใช้เป็นของตัวเอง จึงเริ่มไล่ซื้อที่ดินบริเวณรอบสนามแข่งม้าของเขาในเขต ซาน ซีโร่ เพื่อมาทำเป็นสนามฟุตบอล โดยสนามแห่งนี้ใช้เวลาเพียง 13 เดือนเท่านั้นในการสร้าง เมื่อสนามเสร็จสมบูรณ์ เอซี มิลาน ก็จะได้ย้ายจากสนาม เวียเล่ ลอมบาร์เดีย ที่ใช้เป็นสนามเหย้านานถึง 6 ปี เข้ามาใช้สนาม ซาน ซีโร่ เป็นรังเหย้าแห่งใหม่ และ เกมเปิดสนาม ก็เป็นการพบกับ อินเตอร์ มิลาน ทีมอริร่วมเมือง ผลปรากฎว่าเป็นฝั่งทีมเยือนที่บุกมาชนะได้ 6-3 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 1926

สนามซานซิโร่

9 ปีต่อมา ในปี 1935 ทางสภาเมืองมิลานได้ตัดสินใจเข้ามาซื้อสนามแห่งนี้พร้อมกับมีโครงการขยายสนามทันที โดยพวกเขาจะจัดการต่อเติมอัฒจันทร์ทรงโค้งไว้ตรงหัวมุมครบทุกด้านทำให้ความจุเพิ่มขึ้นมาเป็น 55,000 คน หลังจากนั้นไม่นานเอซี มิลาน ได้ย้ายสนามเหย้าด้วยเหตุบางประการในปี 1941 ย้ายไปใช้สนาม อารีนา ซีวิกา สนามเหย้าของอินเตอร์ มิลานแทน ก่อนจะได้ย้ายกลับมาใช้ ซาน ซิโร่ อีกครั้งในปี 1945

ต่อมาราว ๆ ปี 1950 สนามกีฬาเมืองมิลานแห่งกลายเป็นสนามที่สนามจุผู้ชมได้สูงสุดถึง 100,000 คน อย่างไรก็ตาม สถิติสูงสุดที่มีคนดูตีตั๋วเข้าชมเกมเยอะที่สุดอยู่ที่ 85,000 คน เนื่องจากสมาพันธ์ฟุตบอล ในขณะนั้นออกกฏสนามฟุตบอลต้องติดเก้าอี้นั่งเพื่อกันคนดุเกินความจุ ในเกมฟุตบอลโลกระหว่าง อิตาลี พบบราซิล ปี 1989 อย่างไรก็ตามซานซิโร่ยังได้รับเกียรติให้จัดฟุตบอลโลกปี 1990 จึงมีการปรับสนามครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ หอคอยที่ประกอบไปด้วยบันไดสูง 11 ชั้น ทั้ง 4 ด้านของสนาม

สนามซานซิโร่

หอคอยสิบเอ็ดเอกลักษณ์อันโดดเด่นของซาน ซิโร่

หอคอยสิบเอ็ด หรือ Towers 11 เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของสนามซาน ซีโร่ ซึ่งเป็นการลงทุนด้วยเม็ดเงินก้อนโตมากกว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยความสวยงามของสถาปัตยกรรม ในช่วงฟุตบอลโลก สนามได้รับคำชื่นชมจากชาวโลกและแฟนบอลที่เดินทางมาเยี่ยมชมถึงความสวยงามโดยเฉพาะเจ้าหอคอย Tower 11 ที่เด่นสะดุดตามองเห็นได้แต่ไกลหลายกิโลเมตร จนมันกลายมาเป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของสนามซาน ซิโร่ 

ตามแผนเดิมหอคอยจะถูกเก็บรักษษไว้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการระลึกถึงการมีตัวตนของสนามตำนานแห่งนี้ และจะตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับ The Cathedral (มหาวิหาร) ซึ่งเป็นชื่อสนามใหม่อย่างไม่เป็นทางการ แต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาได้มีการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดของสภาเมืองมิลานว่า “หอคอยที่สิบเอ็ด” จะถูกทุบทิ้งด้วย อย่างไรก็ตาม แฟนบอลทั่วโลกมีโอกาสเดินทางไปเที่ยวเก็บความทรงจำของสนามซาน ซีโร ได้ประมาณสี่ปีก่อนโดนรื้อทำลายหลังใช้จัดพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2026

สำหรับโปรเจ็กต์การสร้างสนามใหม่จะเริ่มทำการก่อสร้างในเดือนมกราคม 2024 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2030 (ส่วนของสนามเสร็จภายในปี 2027) โดย Corriere della Sera สื่ออิตาลีระบุว่าล่าสุดงบประมาณสร้างสนามอาจแตะถึง 1.2 พันล้านยูโร (4.2 หมื่นล้านบาท) แต่เมื่อสร้างเสร็จคาดว่าทั้งสองสโมสรจะมีรายรับเพิ่มขึ้น 120 ล้านยูโร (4.44 พันล้านบาท) แบ่งเป็น 80 ล้านยูโร (2.9 พันล้านบาท) จากภาคสนามและ 40 ล้านยูโร (1.48 พันล้านบาท) จากภาคการตลาด

สนามซานซิโร่

ย้อนชมความยิ่งใหญ่ของสนาม ซาน ซีโร

  • ซาน ซีโร่ มีความจุ 75,923 ที่นั่ง เป็นสนามที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของยุโรป 
  • เริ่มใช้สนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 19 กันยายน 1926 เป็นการพบกันระหว่าง เอซี มิลาน พบกับ อินเตอร์ มิลาน ซึ่ง ณ ตอนนั้น เอซี มิลาน เป็นทีมเหย้า และผลสรุปแพ้ไป 6-3 
  • การรีโนเวทใหญ่นี้ก็เพื่อใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันเวิลด์คัพ 1990 ที่อิตาลีเป็นเจ้าภาพ แม้ค่าใช้จ่ายสูงถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ส่งผลให้ซาน ซีโร สเตเดียม เป็นสนามฟุตบอลที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
  • เคยใช้เป็นสนามนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2 ครั้ง ในปี 2001 (บาเยิร์น มิวนิก เป็นแชมป์) และปี 2016 (เรอัล มาดริด เป็นแชมป์)

 


อ่านข่าวฟุตบอล :: เรื่องน่าสนใจในวงการฟุตบอล

ติดตาม Facebook fanpage :: Superkick365

error: Content is protected !!